
เชิญฟังเทศนาธรรม เตือนภัยไม่ให้หลงกลกลายเป็นมิจฉาทิฐิ
อ้างบรรลุได้โดยไม่ต้องนั่งสมาธิ หมิ่นขอดูว่า “บุญบาป อยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นยังไง ยังมายึดกันอีกหรือ?”
ด้วยความห่วงใยพุทธศาสนิกชน ที่มีศรัทธาต่อการหลุดพ้น อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกลจัดเทศนาธรรมพิเศษ เพื่อเปิดปัญญาให้ผู้สนใจ เข้าฟังธรรมแถลงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาทิฐิ ที่ต้องได้รับผลกรรมหนัก ทั้งจมอยู่ในนรก ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน
**เผยเหลี่ยมการสอนที่ปล้นจิตวิญญาณ อ้างเป็นพุทธะใหม่ คำสอนจากพระศรีอารย์
**สอนวิธีป้องกัน วิธีพิจารณาธรรมแท้ รวมถึงทางแก้ไข ไม่ให้บุญวาสนาที่ทำมาถูกปล้นหรือลวงหลงไปสู่ธรรมปลอม จนเป็นบาปและภัยเวรแก่ตน
เส้นทางการเดินตามคำสอนของพระบรมศาสดา ผู้ศรัทธามีมารผจญ มารยุคใหม่มาแปลงมาในแบบพลิกแพลงคำสอน พูดถึงธรรมขั้นสูง เช่น อนัตตา สุญญตา เพื่อคนที่ไม่ปฏิบัติคิดตามไม่ได้ และหลงเชื่อ
คนกลุ่มนี้เน้นสอนทางออนไลน์ ให้ฟังธรรมเช้าค่ำ อ้างว่า ฟังธรรมอย่างเดียวบรรลุได้ จากจิตสู่จิต ไม่ต้องบำเพ็ญบารมีใด ๆ ใช้วิธีสร้างภาพทาง AI มีการจับกลุ่ม และขยายตัวหาผู้ฟังเหมือน MLM ฟังไม่นานคิดว่า ตนบรรลุธรรม กลายเป็นอรหันต์ลิเก ตั้งตัวเป็นผู้สอนเผยแพร่คำสอนสุดเพี้ยน บั่นทอนพระพุทธศาสนา พาคนหลงผิด ไม่กลัวบุญบาป เข้าข่ายมิจฉาทิฐิเต็มตัว
เชิญผู้สนใจฟัง เทศน์แถลงตีแสกหน้า โดยอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล
“เตือนภัยธรรมลวง เน้นสอนออนไลน์ อันตรายถึงขั้นมิจฉาทิฐิ”
วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568
เวลา 14.00 – 16.00 น.
โพธิธรรมญาณสถาน สระบุรี อ.แก่งคอย ติดหอมนสิการ
เทศน์แถลงตีแสกหน้า อ้างฟังธรรมออนไลน์แล้วบรรลุได้
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน หลังจากจบการสอนคอร์สวิปัสสนา ท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ได้เทศนาธรรมแถลงตีแสกหน้าเพื่อป้องกันคนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาทิฐิจากการสอนออนไลน์ ว่าบรรลุธรรมได้เพียงเพราะฟังธรรมและไม่ต้องนั่งสมาธิ ท่านอาจารย์ระบุว่า นี่คือ ธรรมเมา ไม่ใช่ธรรมะ คือฟังจนมึน จนไม่มีปัญญาแล้วหลอกตัวเองว่าบรรลุธรรมได้
นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีที่ท่านอาจารย์จัดให้มีการเทศน์เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเปิดปัญญาให้คนที่ต้องการคำตอบ ว่าจริงหรือไม่อย่างไร ระหว่างที่สอนในคอร์ส ท่านอาจารย์ก็เร่งทำหนังสือประกอบการเทศน์ด้วย เพื่อให้ผู้ฟังได้ทบทวนและตระหนักในข้อเท็จจริง
การเทศน์เมื่อวันเสาร์มีสาธุชนสนใจเดินทางมาฟังเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้ที่เคยหลงฟังธรรมออนไลน์มาแล้วมีข้อสงสัย แต่ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แม้จะไปถามเพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครอยากยุ่ง และในที่สุดก็ได้รับคำตอบอันกระจ่างแจ้งไปทั้งหมดจากการฟังธรรมครั้งนี้
สาเหตุที่บรรลุธรรมออนไลน์แพร่หลายได้ มาจาก “ตัณหาและความขี้เกียจภาวนา” ส่วนพวกที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนก็เพราะอยากได้แสง อยากได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ สุดท้าย ราคาของความขี้เกียจ ก็สาหัสสากรรจ์ชนิดหลอนจนกลายเป็นมิจฉาทิฐิ เดินสู่ความพินาศ จนไม่เชื่อบุญบาป คิดว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่มีตัว
ท่านอาจารย์แจงละเอียดยิบว่า
“อะไรคือเหตุแห่งมิจฉาทิฐิ หลัก 3 ประการคือ ไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่อบุญบาป และคิดว่าตายแล้วสูญ”
ความต่างของมิจฉาทิฐิยุคนี้ เทียบกับมิจฉาทิฐิยุคก่อน คือ ยุคก่อนเจ้าลัทธิคิดคำสอนจากปัญญาอันมืดบอดของตนมาสอน แต่ยุคนี้ ยกคำสอนของพระบรมศาสดา มาบิดเบือนให้คนเชื่อ ด้วยการให้ฟังธรรมกรอกหู ฟังแบบสะกดจิต จนกลายเป็นธรรมเมา เหลือแต่มิจฉาสติ คือไม่สามารถพิจารณาอรรถธรรมเองได้
ใครที่ได้ฟังเทศนาสดในวันนั้น นับว่าโชคดียิ่งนัก อย่างไรก็ดีท่านอาจารย์มีดำริให้เผยแพร่เทศนาธรรมนี้ทางออนไลน์ เพื่อจะได้ทบทวนและส่งต่อไปยังผู้ที่ห่วงใย หาไม่แล้วตนก็อาจตกเป็นเหยื่อธรรมลวง ไปจนถึงธรรมย้อมใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกกลืนไปแล้ว
ความขี้เกียจ ไม่มีความเพียรเผากิเลส ส่งผลเลวร้ายต่อชะตาชีวิตอย่างสุดพรรณา
สรุปคำเทศน์สอนของท่านในประเด็นต่าง ๆ มีดังนี้
ข้อที่ 1. ที่ว่า “ฟังธรรมแล้วบรรลุธรรมได้ ฟังจากใคร” สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงเทศนาธรรมจากพระโอษฐ์ เป็นอนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ คือธรรมเทศนาอันอัศจรรย์ที่กระเทาะกิเลสทำลายอวิชชาได้ จึงทำให้ผู้ที่มีความพร้อม รอการเปิดปัญญา บรรลุธรรมได้ แต่ยุคนี้ ฟังจาก AI เสิร์ชคำสอนแล้วทำกระทั่งให้ AI ลงเสียงให้ บ้างก็เขียน ๆ แล้วอัดคลิปเผยแพร่ จนมีคลิปเป็นพัน ๆ ฟังกรอกหู เช้าสายบ่ายเย็น เหมือนสะกดจิตไปเลย นอกจากจะบรรลุธรรมไม่ได้แล้ว ยังเสี่ยงเป็นมะเร็งสมองด้วย เพราะใส่หูฟังเสียงผ่านคลื่นแม่เหล็กอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา
ข้อที่ 2. ผู้ที่หลงเชื่อว่า ปัญญาสมอง คือปัญญาที่บรรลุแล้ว เพราะไม่รู้ว่า ปัญญามี 3 ระดับ คือระดับของการฟัง การพิจารณา และการลงมือปฏิบัติ ผู้ที่สามารถไล่กล่าวอรรถธรรมได้ ไม่ได้หมายความว่ารู้แจ้ง แต่หมายความจำเก่งเท่านั้น ไม่ได้แจ้งด้วยกำลังจิตที่บริสุทธิ์จากกิเลส จะรู้แจ้งได้ต้องลงมือปฏิบัติ เหมือนจะเรียนว่ายน้ำ ก็ต้องกระโดดลงไปในน้ำ ไม่ใช่นั่งท่องตำรา
ท่านอาจารย์ไล่หลักธรรมโพธิปักขิยธรรม 37 อันมี สติปัฏฐานสี่ โพชฌงค์ 7 เป็นต้น ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาและปฏิบัติ เมื่อฟังการชี้แจงก็ตามไม่ทัน แม้แต่ความจริง 3 ระดับ คือ สมมติสัจจะ สภาวสัจจะ ปรมัตถสัจจะ ก็ไม่เคยได้ยินการแจงระดับนี้ เพราะการสอนออนไลน์จะยกมาแต่เรื่องที่อยากจะสะกดจิตให้เชื่อในเรื่องที่นำเสนอเท่านั้น
ท่านยกตัวอย่างและชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ถูกยกออกหมดเลยจากคณะธรรมเมานี้คือ “วิริยะ” คือการไม่มีความเพียรบำเพ็ญ เมื่อไม่มีความเพียร ก็ไม่มีขันติ เผากิเลส จึงเป็นธรรมเมาที่ทำให้หลงทาง
ข้อที่ 3. การสอนจากจิตสู่จิต ไม่ต้องใช้กายบำเพ็ญ คือการหลอกตัวเอง เป็นจิตที่มีกิเลสฟังกิเลสลวงกิเลส ในเมื่อจิตอยู่ในกายก็ต้องอบรมกายให้มีกำลังสมาธิ ไม่ใช่เอาแต่ฟังธรรมไป ขายก๋วยเตี๋ยวไปด้วย ไม่เคยฝึกตนให้มีขันติเลย
ข้อที่ 4. เป็นพุทธะใหม่ ก็เป็นข้ออ้างลวงโลก เพื่อให้คนมาติดตาม
ข้อที่ 5. อ้างอรรถธรรมว่า “สัพเพธัมมา อนัตตาติ” ที่ถูกแปลว่า ธรรมทั้งปวง ไม่มีตัวตน มาล้มล้างทุกอย่าง กระทั่งบุญบาป ท่านอาจารย์ก็แถลงให้เห็นว่า พระบรมศาสดาเองยังต้องรับผลกรรมเลย แม้จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า กล่าวถึงกรรมเก่าที่เป็นเหตุถูกนางจิญจมานวิกาใส่ร้าย บุญบาปถูกยกเลิกไปที่ไหน บุญบาปจะหมดสิ้นเชิงได้ก็ต่อเมื่อผู้บรรลุธรรม นิพพานหรือตายแล้ว
ดังนั้นคนที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ไม่ต้องพูดถึง หลงเชื่อปฏิเสธในบุญบาป ชีวิตก็จะจมเป็นมิจฉาทิฐิเต็มตัว นี่คือความล่อลวงอันน่ากลัว
อีกทั้งธรรมบทนี้ ถูกยกมาท่อนเดียว ธรรมบทเต็มคือ ติลักขณาทิคาถา ระบุชัดเจนว่า ให้ละธรรมฝ่ายดำ และยึดธรรมฝ่ายขาวและให้บำเพ็ญตามที่องค์ความรู้ที่เป็นไปเพื่อการตรัสรู้ และคำสอนนี้ก็เพื่อให้คลายความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เป็นทุกข์ทั้งปวง ไม่ได้หมายความว่า สิ่งทั้งหลายไม่มีอยู่จริง
ข้อที่ 6. สุญญตา คือการว่างจากกิเลส ไม่ใช่กำหนดจิตให้อยู่ในอารมณ์ว่าง ๆ การกำหนดจิตเช่นนั้น เหมือนหินทับหญ้า กิเลสเต็มหัวใจ แต่คนก็ยังอยากหลอกตัวเอง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมโลกและสังคมธรรมะ ที่ตราบใดที่บุคคลอับปัญญา ไม่ไตร่ตรอง และยังพยายามหาทางลัด ทางเลี่ยง ไม่บำเพ็ญเพียร ไม่เฉลียวใจว่า จะมีผู้ใดเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ผู้นั้นย่อมต้องเป็นเหยื่อ
สุดท้ายนี้ ท่านอาจารย์ได้ออกหนังสือพิเศษ สำหรับผู้ที่กำลังหลงติดอยู่ในกลุ่มฟังธรรมออนไลน์ที่เชื่อว่าจะบรรลุธรรมได้ รวมถึงผู้ใฝ่ธรรม ปรารถนานิพพาน ควรต้องอ่าน หนังสือชื่อ “หลักพิจารณาธรรมะกับธรรมเมา เพื่อการไม่เป็นเหยื่อกิเลส” จัดพิมพ์โดยมูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต โดยทางเพจจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบช่องทางการสั่งซื้อต่อไป